“กระทิงยังดุอยู่” สรุปผลการแข่งขัน “ยูโร 2024” รอบคัดเลือก กลุ่มเอ ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023
3 ประสานแดนหน้าพาเหรดกับทำคนละประตูให้สเปนคว้าชัย พร้อมผลงานการแข่งขันของกลุ่มเอ
ทีมชาติไซปรัส 1-3 ทีมชาติสเปน
ที่สนามอัลฟ่าเมก้า สเตเดี้ยม เจ้าบ้านอย่าง “ไซปรัส” ที่ยังไม่มีคะแนนต้อนรับการมาเยือนของจ่าฝูงอย่าง “สเปน” โดยที่เจ้าบ้านของกุนซืออย่าง เตมูร์ เคตส์บาย่า หวังจะสร้างผลงานปิดท้ายรอบคัดเลือกอย่างน่าประทับใจ โดยส่งผู้เล่นชุดหลักลงสนามอย่างครบครัน และวาง ยอนนิส พิททาส เป็นกองหน้าตัวเป้า ฝั่งผู้มาเยือนของกุนซือ หลุยส์ เดอ ลา ฟูเอนเต้ มีการสลับผู้เล่นบางตำแหน่ง โดยที่เกมรุกวาง มิเกล โอยาร์ซาบัล, โฆเซลู และเจ้าหนูวัย 16 ปี อย่าง ลามีน ยามาล ลงล่าตาข่าย
กลายเป็นว่าเริ่มเกมครึ่งแรกไม่ถึง 5 นาที ทีมเยือนก็เป็นฝ่ายออกนำจากลูกเปิดของ กาบี้ ก่อนที่ โฆเซลูจะปาดต่อให้ ลามีน ยามาล ล็อกหลบผู้รักษาประตูก่อนจับหนึ่งจังหวะและซัดเข้าประตูให้สเปนออกนำ 1-0
หลังจากจังหวะดังกล่าว รูปเกมก็ยังคงเป็นของสเปนอย่างชัดเจน จนกระทั่งช่วงกลางครึ่งแรก สเปนก็มาได้ประตูหนีห่างจากลูกเปิดฝั่งซ้ายของ อเล็กซ์ กริมัลโด้ ที่หลุดมาถึง มิเกล โอยาร์ซาบัล ก่อนจะจิ้มบอลผ่านตัวผู้รักษาประตูทีมเยือนอย่าง โจเอล มอลล์ เข้าประตู แม้จะมีการเช็ค VAR ว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าก็ตาม ก่อนที่ทีมจะบวกประตุ^ที่ 3 ตั้งแต่ยังไม่พ้นครึ่งชั่วโมงจากลูกยิงของ โฆเซลู โดยลูกเตะมุมของ มิเกล โอยาร์ซาบัล และเป็นประตูที่ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้ง 2 ทีมมีการสับเปลี่ยนตัวสำรองลงสนาม โดยฝั่งเจ้าบ้านส่ง ดานิโล่ สโปลยาริช, ชาราลัมปอส ชาราลัมปูอัส และ คอสตาส พิเลอัส ลงสนามแทน เฮคตอร์ คีเปรียนู, ชาราลบัมปอส คีเรียคู และอันเดอร์สัน คอร์เรอา ขณะที่ทีมเยือนพัก โรบิน เลบอ นอร์ม็องด์ และ มิเกล เมอริโน่ แล้วส่ง ดาบิด การ์เซีย กับ อเล็กซ์ การ์เซีย ลงสนามแทน
รูปเกมในครึ่งหลังเป็นทางเจ้าบ้านที่เริ่มครองเกมได้ดีขึ้นบ้าง จากโอกาสยิงของ อันเดรียส พิททาส ที่ติดเซฟผู้รักษาประตูอย่าง ดาบิด ราย่า ก่อนที่ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ไซปรัสจะตีตื้นจากลูกยิงของ คอสตาส พิเลอัส ที่ ชาราลัมปอส ชาราลัมปูอัส จ่ายทะลุช่องผ่านแนวรับของสเปน และเป็นประตูเดียวที่ทีมทำได้ก่อนจะจบเกมสุดท้ายในรอบคัดเลือกด้วยความพ่ายแพ้ 1-3
ผู้เล่นที่ลงสนามของทั้ง 2 ทีม
ทีมชาติไซปรัส (5-4-1) โจเอล มอลล์ – สเตลิออส อันเดรอู, อันเตรียส คาโร (ยอนนิส คูซูลอส), อเล็กซานเดอร์ โกกิช, คอนสแตนตินอส ไลฟิส, นิโคลาส ยอนนู – ชาราลัมปอส คีเรียคู (ชาราลัมปอส ชาราลัมปูอัส), เฮคตอร์ คีเปรียนู (ดานิโล่ สโปลยาริช), กริกอริส คาสตานอส, อันเดอร์สัน คอร์เรอา (คอสตาส พิเลอัส) – ยอนนิส พิททาส (อันโดรนิคอส คาคูลลี่)
ทีมชาติสเปน (4-3-3) ดาบิด ราย่า – เฆซุส นาบาส (ดานี่ การ์บาฆาล), โรบิน เลอ นอร์ม็องด์ (ดาบิด การ์เซีย), เปา ตอร์เรส, อเล็กซ์ กริมัลโด้ – กาบี้, มาร์ติน ซูบิเมนดี้, มิเกล เมอริโน่ (อเล็กซ์ การ์เซีย) – ลามีน ยามาสล (เฟอร์ราน ตอร์เรส), โฆเซลู, มิเกล โอยาร์ซาบัล (โรดริโก้ ริเกลเม่)
ขณะที่ผลอีกคู่ เป็นทางด้านทีมเยือนอย่างสกอตแลนด์ที่ต้องไล่ตีเสมอ 2 ครั้งจาก สกอตต์ แมคโทมิเนย์ และ ลอว์เรนซ์ แชงค์แลนด์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนบุกมาแบ่งแต้มจากจอร์เจีย ที่ได้ 2 ประตูจาก ควิช่า ควารัตสเคเลีย ทำให้สถานการณ์ก่อนเกมนัดสุดท้ายยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเป็นทางด้านสเปนและสกอตแลนด์ที่ได้สิทธิ์ลุย “ยูโร 2024” โดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับจอร์เจียที่ได้โควตารอบเพลย์โดยอัตโนมัติจากผลงานในศึก “ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก”