ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับเจ้าภาพ บอลยูโร ล่าสุด 2020/2021 ที่มีมากถึง 11 ประเทศ

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับเจ้าภาพ บอลยูโร ล่าสุด 2020/2021 ที่มีมากถึง 11 ประเทศ

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับเจ้าภาพ บอลยูโร ล่าสุด 2020/2021 ที่มีมากถึง 11 ประเทศ

 

 

banner1

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้กิจกรรมที่มีการรวมตัวกันต้องถูกยกเลิกไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือ การแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ บอลยูโร ล่าสุด ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยปีล่าสุดที่ต้องดำเนินการจัดการแข่งขัน คือ ฟุตบอลยูโร2020 หรือครั้งที่ 16 ก็ต้องถูกเลื่อนไปเช่นกัน แต่ในที่สุดการรอคอยสำหรับคอบอลก็ได้สิ้นสุดแล้ว เพราะฟุตบอลยูโร 2020/21 ได้เปิดฉากอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปีนี้ พร้อมฉลองการครบรอบ 60 ปี ของการแข่งขัน โดยในครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน – 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2021

สำหรับเจ้าภาพของการแข่งขันที่แต่เดิมจะหมุนเวียนกันไปตามประเทศต่างๆในทวีปยุโรป โดย บอลยูโร ล่าสุด ครั้งที่ 15 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2016 มีประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ แต่ในยุค new normal เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จึงเปลี่ยนเป็นการแข่งกัน ใน 11 เมือง 11 ประเทศ แทน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเจ้าภาพการแข่งขันถึง 11 ประเทศ แต่ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นศึกใหญ่และนัดชี้ชะตาสุดท้าย จะเกิดขึ้นที่ สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตามที่ทางยูฟ่าประกาศไว้

สำหรับการแบ่งกลุ่มการแข่งขันใน บอลยูโร ล่าสุด มี 6 กลุ่ม ประกอบไปด้วย

  • กลุ่ม A :  ได้แก่ อิตาลี (เจ้าภาพ) / ตุรกี / เวลส์ / สวิตเซอร์แลนด์
  • กลุ่ม B :  ได้แก่ เดนมาร์ก (เจ้าภาพ)/ รัสเซีย (เจ้าภาพ) / ฟินแลนด์ / เบลเยียม
  • กลุ่ม C :  ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (เจ้าภาพ) / ยูเครน / ออสเตรีย / มาซิโดเนียเหนือ
  • กลุ่ม D :  ได้แก่ อังกฤษ (เจ้าภาพ) / สกอตแลนด์ (เจ้าภาพ) / โครเอเชีย / สาธารณรัฐเช็ก
  • กลุ่ม E :  ได้แก่ สเปน (เจ้าภาพ) / สวีเดน / โปแลนด์ / สโลวาเกีย
  • กลุ่ม F :  ได้แก่ ฮังการี (เจ้าภาพ) / เยอรมัน (เจ้าภาพ) / โปรตุเกส/ ฝรั่งเศส

สิ้นสถุดการรอคอย อิตาลี แชมป์ บอลยูโร ล่าสุด 2020/2021

สิ้นสุดลงไปแล้วสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 เมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา โดยแชมป์ปีนี้ตกเป็นของ “อัซซูรี” อิตาลี ที่ดวลจุดโทษเอาชนะ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ไปได้ 3-2 หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของอิตาลีถือว่าเป็นการ คว้าแชมป์ในรอบ 53 ปี หลังจากครั้งล่าสุดที่ทัพมะกะโรนีทำได้ต้องย้อนไปในยูโร 1968 เลยทีเดียว

ก็ต้องบอกเลยว่าเกมรอบชิงชนะเลิศนั้นเล่นกันได้อย่างสุดมันส์และมีเหตุการณ์ครบรสจริงๆ สมควรแล้วที่ทุกคนต่างขนานนามให้เป็น “ดรีมไฟนอลส์” น่าเสียดายแทน “สิงโตคำราม” ที่เดินทางมาไกลเหลือเกินเกือบจะคว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกมาครองได้ เกมนี้แข้งผู้ดีเล่นกันได้ดีจริงๆ แถมยังมีโอกาสสูงที่จะได้แชมป์หลังออกนำไปตั้งแต่ไก่โห่นาทีที่ 2 ของการแข่งขัน

Leave a Reply