“ประวัติที่มาของฟุตบอลยูโร”
กีฬาฟุตบอลที่เราเห็นมีการแข่งขันกันอยู่ทุกวันนี้ จริงๆแล้วมีการเล่นแข่งขันกันมาเนิ่นนานมาหลายปี มีจัดการแข่งขันชิงแชมป์ ชิงถ้วยรางวัลของรายการต่างๆ อยู่มากมายทั่วมุมโลก มีทั้งถ้วยที่เล็กและถ้วยที่ใหญ่ ในปัจจุบันนี้รายการแข่งขันของฟุตบอล ที่จะมีทีมแต่ล่ะประเทศมาเข้าร่วมเแข่งขันกัน ก็จะมีอยู่ไม่กี่รายการใหญ่ๆ ที่ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจกัน และน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าฟุตบอลโลกเลยก็คือ ฟุตบอลยูโร นั้นเอง เราจะมาดูกันว่า ประวัติ และความเป็นมาของฟุตบอลยูโรเป็นอย่างไรกัน
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือเดอะยูฟ่ายูโรเปี้ยนแชมป์เปี้ยนชิฟ เรียกสั้นๆว่า ยูโร เป็นการแข่งขันของทีมฟุตบอล ที่เป็นชาติสมาชิกสมาพันธ์ยุโรป หรือ ยูฟ่า มีการจัดแข่งขันขึ้นทุกๆ 4 ปี มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 ตั้งแต่จัดมาทั้งสิ้น 16 ครั้ง มีทีมชาติที่เคยเป็นแชมป์คือ เยอรมันนีกับสเปน เป็นแชมป์ 3 สมัย ฝรั่งเศษ 2 สมัย สหภาพโซเวียตประเทศรัสเซียในปัจจุบัน เชโกสโรวาเกีย ฮอลแลนด์ เดนมาร์ก และกรีซ ได้คนล่ะ 1 สมัย แต่ทีมชาติสเปน เป็นทีมเดียวที่ได้ 2 สมัย ติดต่อกัน คือในปี 2008 กับ ปี 2012
การพัฒนาของฟุตบอลยูโร
ปี 1968 ได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากฟุตบอลยูโรเปี้ยนเนชั่นส์คัพมาเป็น ยูฟ่ายูโรเปี้ยนแชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแบ่งกลุ่มโดยมี 8 สาย และแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ต้องแข่ง 2 นัด ก่อนเข้ารอบตัดเชือก โดยแชมป์ครั้งนี้เป็นของเจ้าภาพ อิตาลี ที่เอาชนะ ยูโกสลาเวีย 2-0 ในนัดรีเพลย์ หลังเกมแรกเสมอกัน 0-0 ฟุตบอลยูโร 1972 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเบลเยียม ยังคงใช้รูปแบบการแข่งขันเหมือนที่ผ่านมา โดยแชมป์ตกเป็นของ เยอรมัน ตะวันตก ที่ถล่ม สหภาพโซเวียต ไปอย่างขาดลอย 3-0 จากการทำประตูของ แกร์ด มุลเลอร์ คนเดียว 2 ลูก จากนั้นอีก 4 ปีต่อมา รอบชิงชนะเลิศมีขึ้นที่ยูโกสลาเวียโดยที่ เชโกสโลวะเกีย เสมอ เยอรมัน 2-2 ก่อนที่จะมีการดวลจุดโทษครั้งแรก และแชมป์ก็ตกเป็นของ ขุนพลเช็กในที่สุด
มาถึงศึกยูโร 1980 ได้เริ่มใช้ระบบการแข่งแบบใหม่ โดย 8 ทีมจะต้องมาเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอิตาลีและแบ่งการเล่นออกเป็น 2 กลุ่ม นำแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเล่นรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งปรากฏว่า เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ไปครองหลังเฉือนชนะ เบลเยียม 2-1 จนกระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศส ได้มีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่ม เข้ามาเล่นในรอบ ตัดเชือก และในที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีมโดย มิเชล พลาตินี่ ก็ชนะ สเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าแชมป์ได้อย่างงดงาม จาก